เทคโนโลยีมีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไร

เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทต่อสังคมเป็นอย่างมาก เพราะมีการใช้คอมพิวเตอร์กันอย่างแพร่หลาย ทั้งเล่นเกม พิมพ์งาน เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยมีการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง ซึ่งยังมีอีกหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ซึ่งอุปกรณ์ที่ทันสมัยเหล่านี้หากใช้ไม่ถูกต้องเหมาะสมก็อาจเกิดโทษได้เช่นเดียวกัน เพราะการทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ซึ่งการนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ หากนั่งในท่าไม่เหมาะสม หน้าจออยู่ต่ำกว่าระดับสายตา อาจทำให้กระดูกคอเสื่อม กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ ปวดคอ ปวดบ่า ปวดข้อมือ ปวดนิ้วมือและปวดหลังได้ ที่พบบ่อย คือ อาการปวดคอ มีอาการตึงเมื่อย เพราะอยู่ในท่าเดียวนาน ๆ พบมากในคนที่ทำงานออฟฟิศต้องอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ดังนั้นท่านั่งจึงมีความสำคัญเวลาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ต้องไม่ก้มหน้ามาก หน้าจอควรอยู่ในระดับสายตา ไม่อยู่ไกลสายตาจนเกินไป คีย์บอร์ดต้องอยู่ในระดับพอดี สูงกว่าเข่านิดหน่อย เพราะถ้าคีย์บอร์ดอยู่สูงเกินไปต้องยกไหล่ขึ้นอาจทำให้ปวดเมื่อยได้ สำหรับการเล่นเกม อัพเดทข้อมูลบนสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หากอยู่ในท่าที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานานอาจทำให้ปวดคอ ปวดหลังได้เช่นกัน และการใช้นิ้วมือเป็นเวลานานจะทำให้ปวดเมื่อยข้อนิ้วมือ

ข้อแนะนำในการใช้เทคโนโลยีต่างๆที่กล่าวมามีดังนี้
1.ควรใช้เวลาทำงานหรือเล่นกับคอมพิวเตอร์ 25–30 นาที ในแต่ละช่วงและพัก 1–5 นาที
2.จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น วางคอมพิวเตอร์ให้ห่างจากตาประมาณ 20–26 นิ้ว
3.วางคีย์บอร์ดและเมาส์ให้อยู่ต่ำกว่าศอก
4.แสงไฟไม่ควรส่องจากด้านหลัง ที่สำคัญไม่ควรส่องเข้าหาจอคอมพิวเตอร์
5.ควรปรับหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้มีความสว่างเท่ากับความสว่างของห้อง
6.ปรับความถี่ของคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับ 70–80 เฮิรตซ์ หรือปรับให้สูงสุดเท่าที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ยังรู้สึกสบายตา
7.การใช้ตัวหนังสือควรใช้ตัวหนังสือสีดำบนพื้นสีขาว
8.ใช้แผ่นกรองแสง และดูแลหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ให้มีฝุ่นเกาะติด เพื่อทำให้การมองเห็นชัดเจน
ฉะนั้นการใช้เทคโนโลยีต่างๆเหล่านี้ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อจะได้ไม่ส่งผลเสียต่อตนเอง เพราะหากใช้เทคโนโลยีเป็นเวลานานๆก็จะส่งผลเสียตามมาแต่หากใช้ในทางที่ถูกต้องก็จะเกิดประโยชน์สำหรับตนเองอีกด้วย