ปัจจุบันได้มีเทคโนโลยีระบบรากเทียมมากมายเพื่อการรักษาทันตกรรมรากเทียม โดยมีความแตกต่างกันในยี่ห้อ ชื่อเสียงและประวัติความสำเร็จในการรักษา วัสดุที่ใช้และเทคโนโลยีในการผลิต รวมทั้งความหลากหลายในรูปร่าง และขนาดของรากเทียมที่ออกแบบเพื่อความเหมาะสมต่อตำแหน่งและการใช้งาน การทำรากฟันเทียม เป็นกระบวนการทางศัลยกรรมที่ทำภายใต้ภาวะปลอดเชื้อ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 45-90 นาที โดยใช้ยาชาเฉพาะที่ จึงไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามกระบวนการนี้อาจก่อให้เกิดความเครียดต่อคนไข้ได้ การใช้ก๊าซ ไนตรัสออกไซด์หรืออาจเป็นยาสงบประสาท อาจถูกนำมาใช้ได้ในบางกรณี ซึ่งจะช่วยให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลายและสบายขึ้น
ในการทำรากฟันเทียมที่ยุ่งยากซับซ้อนขึ้น เช่น ในกรณีที่มีการเติมปริมาณกระดูก อาจพิจารณาใช้การดมยาสลบสำหรับคนที่กลัวการทำฟันมากๆได้ โดยจะต้องอาศัยบุคคลากรที่ชำนาญการโดยเฉพาะ เมื่อเหงือกและเนื้อเยื่อหมดความรู้สึก ทันตแพทย์ก็จะเปิดเหงือออกอย่างระมัดระวัง แล้วกรอกระดูกจนมีขนาดพอเหมาะกับรากฟันเทียมที่เลือกไว้ แล้วใส่รากฟันเทียมลงไป จากนั้นก็จะเย็บปิดเหงือกด้านบนเอาไว้ รอเวลาให้แผลหาย โดยในระหว่างนี้อาจมีฟันปลอมให้ใช้งานไปก่อนได้
ข้อดีของการปลูกรากฟันเทียม
– ช่วยเพิ่มความมั่นใจและคุณภาพชีวิต ลดขนาดและรูปร่างพร้อมทั้งให้ความเป็นธรรมชาติมากขึ้นแก่สะพานฟันและฟันปลอม
– ลดปัญหาการเสียเนื้อฟันซึ่งมีความจำเป็นในการทำสะพานฟันแบบทั่วไป
– ความแข็งแรงและมั่นคงของรากฟันเทียมช่วยเพิ่มความสามารถในการบดเคี้ยวทำให้สามารถเลือกรับประทานอาหารได้ตามต้องการ
– ช่วยเพิ่มความมั่นใจรวมถึงประสิทธิภาพในการออกเสียงและสนทนา
– มีความสะดวกสบายกว่าการใส่ฟันปลอมแบบทั่วไป
– ช่วยป้องกันการสูญเสียฟันบริเวณข้างเคียงและกระดูกรองรับอันเกิดจากการสูญเสียฟัน
– ช่วยส่งเสริมบุคลิก ทำให้แลดูอ่อนเยาว์ และให้ความสวยงามที่ดูเป็นธรรมชาติ
– ช่วยให้สุขภาพของช่องปากดีขึ้น มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน รวมถึงมีความทนทานสูง
– ลดปัญหาการเคลื่อนตัว การหลุดออก และความกังวลใจเกี่ยวกับการเลื่อนหลุดของฟันปลอม